รู้จัก หญ้าหวาน คืออะไร
สำหรับ หญ้าหวาน เป็นพืชที่มนุษย์รู้จักมาเป็นเวลานานกว่า 1,500 ปี ชนพื้นเมืองแถบอเมริกาใต้เป็นผู้ค้นพบและนำมาใช้เป็นครั้งแรก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Stevia rebaudiana (Bertoni) Bertoni” ลักษณะคล้ายต้นกะเพราหรือต้นแมงลัก ใบเดี่ยว รูปหอก ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย มีช่อดอกสีขาว ความสูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร แต่เดิมหญ้าหวานมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศบราซิล และปารากวัย
มีการนำมาสกัดให้ได้สารสกัดของหญ้าหวาน ซึ่งนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในชาที่ชงดื่มรวมถึงยาสมุนไพรโบราณ เนื่องจาก หญ้าหวาน มีสารในใบให้รสหวาน เรียกว่า “สตีวิโอไซด์” (Stevioside) ซึ่งเป็นสารให้ความหวานคล้ายคลึงกับน้ำตาลทรายมาก แต่มีความหวานมากกว่าน้ำตาลประมาณ 200-300 เท่า
ต่อมาในประเทศไทยได้เริ่มนำพืชชนิดนี้มาปลูกในภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเย็น เหมาะแก่การเจริญเติบโตของหญ้าหวาน
ประโยชน์ หญ้าหวาน
หญ้าหวานไม่มีแคลอรี่ หรือหากมีก็อยู่ในปริมาณน้อยมาก จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งยังมีประโยชน์ด้านต่างๆมากมาย
- ลดน้ำตาลในเลือด
- ลดความเสี่ยงต่อหลายโรค เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยเพิ่มความหวานให้อาหาร ให้ความหวานเท่าเดิมโดยใช้น้ำตาลน้อยลง หรืออาจไม่ต้องใช้น้ำตาลเลย
- นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ เช่น นำใบหญ้าหวานมาอบแห้ง แล้วใช้ทั้งใบ หรือนำมาบดสำหรับใช้ชงชา หรือนำใบมาอบแห้งบดใช้แทนน้ำตาล เหมาะสำหรับใส่ในน้ำอัดลม ชาเขียว ขนม แยม ไอศกรีม หมากฝรั่ง หรือซอสปรุงรสก็ได้
ใช้แทนน้ำตาลในยาสีฟัน ปัจจุบันมีการนำสารสตีวิโอไซด์ที่สกัดจากหญ้าหวานไปเป็นส่วนผสมในยาสีฟันแทนน้ำตาล
วิธีใช้หญ้าหวาน
- แบบชงเป็นชา ต้มน้ำร้อนแต่ไม่ต้องเดือดจัด ใส่ชาหญ้าหวาน 1-2 ใบ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาทีแล้วค่อยดื่ม หากเป็นกาน้ำปริมาณ 150-200 มิลลิลิตร ควรใส่ชาหญ้าหวานประมาณ 3-4 ใบ โดยการแช่หญ้าหวานในน้ำอุ่นนานๆ จะยิ่งช่วยเพิ่มความหวานให้มากขึ้น
- แบบสำหรับใส่เครื่องดื่ม ทำเช่นเดียวกับแบบแรก แต่กรองเอากากใบชาทิ้ง แล้วนำน้ำที่ได้ไปชงกาแฟหรือเครื่องดื่มตามต้องการเพื่อเพิ่มความหวาน
ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ของหญ้าหวานไปไม่น้อยกว่า 150-300 สายพันธุ์ และประเทศจีนเป็นผู้ปลูกและมีผลผลิตมากที่สุดในโลก
รายงานจาก กรมวิชาการเกษตร เกี่ยวกับการปลูกหญ้าหวานที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย พบว่าหญ้าหวานที่ปลูกในประเทศไทยมี 4 ลักษณะ คือ
- ใบใหญ่มีขน
- ยอดอ่อนสีม่วง
- ใบแคบยาว (ไต้หวัน)
- ทรงพุ่มเล็ก
ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของหญ้าหวานจำนวน 4 สายพันธุ์ พบว่าหญ้าหวานทั้ง 4 ตัวอย่างมีความแตกต่างทางพันธุกรรมทั้งหมด หญ้าหวานสายพันธุ์ยอดอ่อนใบสีม่วง ให้สารสตีวิโอไซด์ สูงที่สุด ซึ่งสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ประมาณ 10 เท่า
ในปัจจุบันซึ่งทุกท่านก็คงพอทราบแล้วว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ได้อนุญาตให้มีการใช้สารสตีวิโอไซด์เพื่อการบริโภค หรือใส่ทดแทนน้ำตาลทรายในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ได้ สารให้ความหวานจากต้นหญ้าหวานอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารแล้ว สำหรับต้นหญ้าหวานก็จัดเป็นสมุนไพรใช้ในครัวเรือนด้วย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : หญ้าหวาน พืชโบราณ ประโยชน์มากมาย ช่วยลดความเสี่ยงโรค คุมน้ำหนัก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น